ตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก เรามักจะได้ยินวลีที่ว่า “Work from Home” กันบ่อยขึ้น รูปแบบการทำงานที่บ้านโดยไม่ต้องเดินทาง ติดต่อสื่อสารกันผ่านแอปพลิเคชันหรือโปรแกรมสำหรับการทำงาน ที่นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของไวรัสแล้ว ยังช่วยประหยัดการใช้ทรัพยากรในที่ทำงาน แถมได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ความท้าทายอยู่ตรงที่ทำอย่างไรให้การทำงานมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการทำงานที่ออฟฟิศ แถมยังแฮปปี้ทั้งกายและใจ นี่คือ 8 เทคนิคที่เรานำมาฝากกัน
8 เทคนิค Work From Home อย่างมีประสิทธิภาพ
- จัดเตรียมพื้นที่ทำงานที่บ้านให้เหมาะสม
ควรเลือกห้องให้เหมาะสมกับการทำงาน มีแสงสว่างที่เพียงพอ ถ้าไม่มีห้องทำงานโดยเฉพาะ อาจใช้มุมใดมุมหนึ่งของห้องที่ปราศจากการรบกวนมากที่สุด เช่น เสียงทีวี เสียงรถวิ่ง ควรแยกโซนทำงานออกจากพื้นที่ส่วนรวมภายในบ้าน จะช่วยให้มีสมาธิจดจ่อกับงาน หลีกเลี่ยงการทำงานบนโซฟาหรือเตียงนอน ต้องแยกพื้นที่ทำงานและพักผ่อนออกจากกัน สร้างบรรยากาศให้เหมือนกับที่ทำงาน จัดโต๊ะ เก้าอี้ ให้เอื้อต่อการทำงาน และเตรียมเครื่องมือในการทำงานให้พร้อม
- พูดคุยกับคนในบ้านให้เข้าใจ
สำหรับใครที่มีสมาชิกอยู่ในบ้านหลายคน และต้องกั้นพื้นที่ในการทำงาน ควรบอกสมาชิกในบ้านให้รับรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกันและไม่เป็นการรบกวนระหว่างการทำงาน บอกช่วงเวลาทำงานที่ชัดเจน เราว่างตอนไหน เลิกงานกี่โมง จะได้ไม่เกิดปัญหาในครอบครัวตามมาภายหลัง เราเองก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
- กำหนดเวลาการทำงาน และปฏิบัติตามแผนงานอย่างเคร่งครัด
ทำทุกอย่างให้เหมือนกับวันทำงาน ถึงแม้จะอยู่บ้านก็ต้องตื่นให้เป็นเวลา การ Work from Home ที่จะให้งานออกมามีประสิทธิภาพ ต้องวางแผนการทำงาน กำหนดขอบเขตของเวลาให้ชัดเจน และใช้วินัยเป็นอย่างมาก รวมถึงช่วงพักเบรกที่ต้องจัดสรรเวลาให้เหมาะสม ทานอาหารเที่ยงและเลิกงานให้เป็นเวลา ไม่นั่งทำงานยาวไปจนถึงดึกดื่น นอกจากจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย
- อัพเดตความคืบหน้าของงาน คำนึงถึงการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
มีเครื่องมือสื่อสารให้เลือกใช้มากมาย ช่วยให้การทำงานที่บ้านง่ายขึ้น ทั้งการเก็บหรือส่งไฟล์งาน ทำนัดหมายตารางงาน หรือประชุมประจำวัน แต่เพื่อให้การทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ทุกคนควรใช้ช่องทางเดียวกันในการสื่อสาร เพื่อป้องกันความสับสน ควรสื่อสารกับทีมเป็นระยะ อัพเดตความคืบหน้าของงานในแต่ละวัน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีสะดุด
- หาเวลาพักเบรก เพื่อรีเฟรชความสดชื่นให้ร่างกาย
หลายคนนั่งทำงานเพลินจนลืมเวลา ก็ต้องหาจังหวะพักสายตากันบ้าง บางทีแค่นั่งทำงานเฉยๆ ก็รู้สึกเหนื่อยได้ นั่นอาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าทางจิตใจ การมองหน้าจอคอมพิวเตอร์สามารถเพิ่มความตึงเครียดให้กระดูกสันหลังได้ ควรมองออกไปไกลๆ นอกหน้าต่าง ลุกขึ้นมาเปลี่ยนอิริยาบททุกชั่วโมง เช่น เดินไปชงกาแฟ ให้อาหารแมว เพราะการนั่งทำงานอยู่กับที่นานๆ ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน อาจจะเพิ่มการยืดเหยียดบริเวณไหล่และต้นคอ รวมถึงดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ดูดีเสมอแม้อยู่บ้าน
แม้ว่าเราจะทำงานที่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน ก็ควรหลีกเลี่ยงการใส่ชุดนอนทำงาน ซึ่งไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่หากต้องประชุมทีม โดยที่คนอื่นเห็นเราอยู่ในชุดนอน นอกจากทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากเกินไปแล้ว ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องแต่งตัว หรือแต่งหน้าจัดเต็ม ควรเปลี่ยนมาเป็นชุดลำลองหรือชุดทำงานที่ไม่เป็นทางการแทนจะดีกว่า
- อย่าเคร่งเครียดเกินไป คิดบวกเข้าไว้
เป็นธรรมดาที่หลายคนอาจไม่ชินกับบรรยากาศการทำงานที่บ้าน บางคนไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร จัดสรรเวลาไม่ถูก หรือถูกเรียกประชุมด่วนผ่านแอปฯ ทำให้ต้อง standby อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา ไม่กล้าลุกไปไหน อาจเกิดเป็นภาวะความเครียดระหว่างทำงานหรือรู้สึกถูกตัดขาด ควรเริ่มจากค่อยๆปรับตัวในแต่ละวัน ต้องรู้จักอนุโลมหรือผ่อนผันบ้าง พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเมื่อสะดวกบ้าง หรือลองหาอะไรทำคั่นเวลาในช่วงที่รู้สึกเครียด แล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ
- วางทุกอย่างหลังเลิกงาน
เมื่อถึงช่วงเวลาเลิกงาน ควรปิดคอมพิวเตอร์ จัดเก็บอุปกรณ์การทำงานให้เรียบร้อย อย่าให้การทำงานที่บ้านกลายเป็นว่าต้องทำงานหนักมากขึ้น โดยที่ไม่สามารถแยกเวลาการทำงานออกจากเวลาส่วนตัวได้ หรือทำงานติดพันจนเลิกงานล่าช้า จริงๆแล้วการทำงานที่บ้านช่วยให้มีเวลาในการใช้ชีวิตมากขึ้น ประหยัดเวลาในการเดินทางได้เยอะ นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น การทำกิจกรรมอื่นๆหลังเลิกงาน ยังช่วยลดความตึงเครียด และเตรียมพร้อมรับมือสำหรับการทำงานในวันต่อไปอีกด้วย
Work From Home บางคนอาจคิดว่ายุ่งยากหรือเหนื่อยกว่าการทำงานแบบเจอหน้ากัน บางคนอาจชอบตรงที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์การบีบบังคับ มนุษย์เงินเดือนอย่างเราก็ต้องรู้จักปรับตัว แม้บรรยากาศในการทำงานจะเปลี่ยน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้คุณภาพของงานลดลงแต่อย่างใด อาจไม่สำคัญว่าเราทำงานที่ไหน อยู่ที่ว่าเราจะทำอย่างไรให้การทำงานมีความสุข และเกิดประสิทธิภาพนั่นเอง
ติดตามข่าวสารต่างๆ ผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ที่นี่ค่ะ
