นับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอีกหลายครั้ง วิกฤติทุกครั้งที่ผ่านมาแม้จะดูหนักหนาแต่ผลกระทบของแต่ละวิกฤตินั้นส่งผลต่อคนในบางกลุ่มเท่านั้น มิได้กระทบไปทุกภาคส่วน แม้จะมีฟันเฟืองที่อาจหยุดเดินแต่ประเทศของเราก็ฝ่าวิกฤติทั้งหมดมาได้ด้วยฟันเฟืองตัวอื่น ๆที่ยังคงสามารถทำงานได้ครับ เราจึงยังไม่เคยเจอวิกฤติใดที่หนักหนาสาหัสจริง ๆกันเลย ทุกวิกฤติที่ผ่านมาก็ยังไม่อาจเทียบได้กับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19นี้ครับ เพราะแทบจะทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบไม่เฉพาะแต่ภาคใดภาคหนึ่ง ฟันเฟืองสำคัญ ๆหลายตัวตกอยู่ในภาวะชะงักงัน คนจำนวนมากต้องว่างงาน หลายธุรกิจต้องหยุดกิจการ วิกฤติในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในวิกฤติใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงครับ คำถามต่อมาหลังจากวิกฤตินี้ผ่านไปก็คือคุณได้บทเรียนอะไรบ้างจากสิ่งที่เกิดขึ้น คุณพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองหรือไม่หลังจากวิกฤติในครั้งนี้ผ่านไป หากคุณยังคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อดี บทความนี้เราจะมาถอดบทเรียนจากวิกฤติโควิด 19ไปด้วยกันครับ
อะไรที่คิดว่ามั่นคงก็อาจจะไม่มั่นคงเสมอไปเมื่อวิกฤติใหญ่มาเยือน
หากคุณคิดว่าการงานที่คุณทำมีความมั่นคงดี ชีวิตของคุณกำลังก้าวหน้าไปอย่างมั่นคง เมื่อวิกฤติการระบาดของโควิด – 19มาเยือนก็อาจทำให้คุณต้องเปลี่ยนความคิดครับ เพราะไม่มีอะไรที่คิดว่ามั่นคงจริง ๆเลยแม้แต่น้อย ความมั่นคงที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ว่า “ใครจะมีสายป่านที่ยาวกว่ากัน” ในวิกฤติใหญ่ที่เกิดขึ้นทุกคนมีสิทธิ์ตกงานมีสิทธิ์ถูกเลิกจ้างกันได้ทุกคนครับ แม้แต่เจ้าของกิจการเองก็ตามก็มีโอกาสที่จะขาดทุนถึงขั้นปิดกิจการได้เช่นกัน ไม่ว่ากิจการจะใหญ่โตเพียงใดหรือเป็นเพียงตัวเล็ก ๆในวงการถ้าคุณสายป่านไม่ยาวพอ คุณเองก็มีโอกาสไม่รอดจากวิกฤติใหญ่ ๆได้ทั้งนั้น
ถอดบทเรียนจากวิกฤติโควิด 19ที่คุณต้องเรียนรู้และเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต
สำหรับคุณ ๆที่เป็นมนุษย์เงินเดือน เชื่อว่าหลายท่านต้องได้รับผลกระทบถ้วนทั่วกันหมดอย่างแน่นอนต่างกันที่ว่าใครจะได้รับผลกระทบมาก ใครจะได้รับผลกระทบน้อยเท่านั้น จากบทเรียนที่เกิดขึ้นนี้เราจะสรุปถึงสิ่งที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ตัวคุณเองไว้ดังต่อไปนี้
1. ความมั่นคงสร้างได้จากรากฐานที่หลาย ๆคนมองข้ามคือ “การออม”
วิกฤติในครั้งนี้ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดก็คือคนที่ไม่มีเงินออมไว้เป็นทุนรอนยามฉุกเฉินครับ หลายท่านอาจจะโต้แย้งว่า “ถ้ารายได้ไม่มากพอ ภาระหนี้สินก้เยอะแล้วจะให้ออมเงินได้อย่างไร” แต่เชื่อเถิดว่าผู้ที่คิดแบบนี้หากคุณปรับเปลี่ยนวิธีคิด คุณก็สามารถมีเงินออมเหลือเก็บไว้ในกรณีฉุกเฉินได้ครับ กฎของการเก็บก่อนใช้ยังคงใช้ได้เสมอไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม และการทำบัญชีรายรับรายจ่ายก็เป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะทำให้คุณมีเงินเหลือเก็บไว้ในกรณีฉุกเฉินและเป็นทุนรอนในการสร้างความมั่งคั่งให้แก่ตนเอง
2. รายได้มากกว่า 1 ทางคือการกระจายความเสี่ยงที่น่าสนใจ
อย่าใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียวคือวลีที่มักจะใช้เปรียบเปรยการลงทุนครับ แต่ในความเป็นจริงนั้นการกระจายความเสี่ยงใช้ได้กับทุกสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง ในเรื่องของรายได้ก็เช่นกันที่หากคุณมีรายได้มากกว่า 1 ทาง คุณสามารถพัฒนาและต่อยอดไปเป็นอย่างอื่นที่คุณต้องการได้ นอกจากนี้การมีรายได้มากกว่า 1 ทาง คุณก็ยังสามารถประคับประคองสถานการณ์ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์วิกฤติจนทำให้รายได้ประจำของคุณต้องลดลงเฉกเช่นกับวิกฤติที่ทุกคนกำลังเจออยู่ในขณะนี้
3. ค้นหาความถนัดของคุณให้พบและพัฒนาเป็นอีกหนึ่งงานที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้แก่คุณ
เชื่อว่าทุกคนย่อมมีความถนัดที่นอกเหนือไปจากทักษะที่ใช้ในงานประจำครับ และทักษะหลาย ๆอย่างที่คุณเชี่ยวชาญสามารถสร้างรายได้ให้แก่คุณได้อย่างแน่นอนถ้าคุณพัฒนาทักษะนั้นจนมีผู้ที่เห็นคุณค่าของมัน ลองมองหาทักษะพิเศษที่น่าสนใจเพื่อพัฒนาพร้อม ๆกับพยายามกับมองหาลู่ทางในการทำเงินจากการพัฒนาทักษะนั้น ไม่แน่นะครับว่าคุณอาจจะได้รายได้ที่ใกล้เคียงกับงานประจำของคุณเลยทีเดียว
4. ทุกวิกฤติที่เกิดขึ้นมักมีโอกาสดี ๆซ่อนอยู่เสมอมันจึงสำคัญที่ว่าคุณจะหาโอกาสที่ซ่อนอยู่นั้นเจอหรือไม่
ในวิกฤติโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่นี้หลายธุรกิจ หลายอาชีพได้รับผลกระทบไม่น้อยจากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ครับ แต่เชื่อหรือไม่ว่าท่ามกลางวิกฤติที่เกิดขึ้นก็ยังคงมีผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆเลย และนอกจากจะไม่ได้รับผลกระทบพวกเขาเหล่านั้นยังได้ประโยชน์จากวิกฤติในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ยังคงมีโอกาสอีกมากมายครับที่ให้คุณได้ค้นหาท่ามกลางวิกฤติที่ถาโถมนี้ หาสิ่งนั้นให้เจอแล้วคุณจะมีโอกาสต่อยอดความสำเร็จได้อีกมาก
5. ผู้ที่รู้จักการปรับตัวจะเป็นผู้ที่อยู่รอดในทุกภาวะวิกฤติ
เฉกเช่นคำกล่าวที่ว่าต้นไม้ที่ลู่ไปตามลมย่อมมีทางอยู่รอดมากกว่าต้นไม้ที่ยืนหยัดต้านทานลมพายุ ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ผู้ใดที่รู้จักการปรับตัวไปตามสถานการณ์ โอนอ่อนไปตามความหนัก-ความเบาของสถานการณ์วิกฤติที่กำลังเผชิญอยู่ท้ายที่สุดเขาคนนั้นจะเป็นผู้ที่สามารถอยู่รอดได้ในทุก ๆสภาวะวิกฤติครับ
6. การเงินคือเรื่องที่ต้องวางแผน นอกเหนือไปจากการออมคือต้องรู้จักวางแผนการลงทุน
นอกเหนือไปจากการออมเงินเพื่อให้มีเงินใช้ในยามฉุกเฉิน คุณต้องรู้จักการแบ่งเงินเก็บส่วนหนึ่งไปบริหารต่อยอดด้วยการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงในระยะยาว การลงทุนที่ว่านี้ไม่เฉพาะแต่การลงทุนในหลักทรัพย์เช่นหุ้นเท่านั้น ในโลกของการลงทุนยังมีสินทรัพย์และวิธีการลงทุนอีกมากที่จะช่วยเพิ่มพูนเงินทุนของคุณครับ ศึกษาการลงทุนที่คุณชื่นชอบและเริ่มต้นลงทุนอย่างจริงจังเพื่อความมั่นคงในระยะยาว
7. หลังจากวิกฤติที่เกิดขึ้นนี้ “โลกจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป”
ในขณะที่วิกฤติยังไม่จบ เราเริ่มจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆอย่างเกิดขึ้นมากมายบนโลกใบนี้ ในมุมของอาชีพและการหาเลี้ยงชีพก็เช่นกันที่ในอนาคตอันใกล้นี้จะเกิดการแทนที่ทั้งแรงงานคนและอาชีพเดิม ๆด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่าซึ่งเรียกกันว่า “โลกออนไลน์” ดังนั้นในอนาคตหากงานของคุณเกี่ยวพันกับเทคโนโลยีหรือเรื่องออนไลน์ต่าง ๆตามกระแสที่เปลี่ยนแปลงไป คุณจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่างานประจำเดิมที่จะค่อย ๆถูกกลืนหายไปในที่สุดครับ
แม้วิกฤติการระบาดของโควิด-19จะเป็นเรื่องที่ทำให้ทั่วทั้งโลกได้รับผลกระทบไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่วิกฤตินี้อาจเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะส่งผ่านโลกเข้าสู่อีกยุคใหม่เช่นกัน ทาง When I Old Up ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ผู้ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตินี้ได้ก้าวผ่านพ้นทุกปัญหาไปได้อย่างมั่นคงครับ

[…] เพราะการระบาดที่รุนแรงและรวดเร็วทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างครับ ธุรกิจหลายประเภทต้องถูกสั่งให้ปิดตัวลงเพื่อลดการระบาดนี้ ในขณะที่บางธุรกิจก็ต้องลดพนักงานลงเพื่อประคองให้ธุรกิจสามารถผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบทั้งหมดครับไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการเองหรือพนักงานในองค์กร แทบไม่มีองค์กรหรือหน่วยงานใดที่ไม่ได้รับผลกระทบเลยจากการระบาดในครั้งนี้ และมีบางธุรกิจจริง ๆที่แบกรับผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ไหวและต้องปิดตัวลงไปในที่สุด ซึ่งผลที่ตามมาก็คือเกิดการตกงานของพนักงานจำนวนมากเกิดขึ้นนั่นเอง […]