หนี้บ้านเป็นหนี้ก้อนใหญ่ครับ และส่วนมากก็มีระยะเวลาในการผ่อนชำระที่ยาวนานหลายปี ดังนั้นเราไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าในอนาคตเราจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ หากคุณวางแผนการมีหนี้บ้านไม่ดีพอ ในระยะยาวหนี้บ้านก้อนนี้ก็อาจจะย้อนกลับมาให้โทษแก่คุณได้ครับ แต่หากว่าวันใดวันหนึ่งคุณต้องเผชิญปัญหาจากหนี้บ้านขึ้นมาจริง ๆ การขอประนอมหนี้กับทางเจ้าหนี้คือหนทางที่ดีที่สุดครับ ในบทความนี้ผู้เขียนได้หาข้อมูลและรวบรวมวิธีการประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ที่น่าสนใจมาฝากครับ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกหนี้ที่เริ่มมีปัญหาในการผ่อนบ้านได้มีหนทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป
6 วิธีจัดการเมื่อเริ่มผ่อนบ้านไม่ไหวทำอย่างไรไม่ให้บ้านถูกยึด
1. ขอลดอัตราดอกเบี้ย
การขอลดอัตราดอกเบี้ยจะทำได้ในกรณีที่ในขณะนั้นดอกเบี้ยที่ทางธนาคารคำนวณอยู่ในอัตราที่สูงกว่าเมื่อกู้ครั้งแรกครับ โดยคุณจะต้องไปติดต่อเพื่อทำเรื่องขอลดอัตราดอกเบี้ยกับทางสถาบันการเงินด้วยตนเอง ซึ่งคุณจำเป็นต้องตรวจสอบกับทางสถาบันการเงินก่อนครับว่าเมื่อทำเรื่องขอลดอัตราดอกเบี้ยแล้วคุณจะต้องชำระหนี้ในแต่ละงวดเท่าไร เพราะบางทีแม้คุณจะทำเรื่องขอลดอัตราดอกเบี้ยแล้วแต่ทางธนาคารก็ยังจะให้คุณชำระหนี้ในจำนวนเท่าเดิมเพียงแต่ยอดที่คุณส่งไปนั้นจะถูกนำไปหักเงินต้นมากขึ้นเท่านั้น หากคุณต้องการที่จะขอลดทั้งอัตราดอกเบี้ยและอัตราการผ่อนชำระก็จำเป็นต้องพูดคุยอย่างละเอียดกับทางสถาบันการเงินที่คุณเป็นหนี้อยู่ครับ และทั้งนี้การที่คุณจะขอลดอัตราดอกเบี้ยได้มากน้อยเพียงใดก็อาจจะขึ้นอยู่กับประวัติการผ่อนชำระของคุณที่ทางสถาบันการเงินอาจนำมาพิจารณาร่วมด้วยครับ
2. ขอชำระค่าผ่อนบ้านต่ำกว่าปกติ
วิธีนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อจำนวนยอดชำระต่อเดือนนั้นสูงกว่ายอดดอกเบี้ยต่อเดือนอย่างน้อย 500 บาท โดยคุณสามารถขอประนอมหนี้วิธีนี้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และระยะเวลาในการชำนระค่าผ่อนบ้านที่ต่ำกว่าปกติก็จะมักจะถูกกำหนดไว้ให้ไม่เกิน 2 ปีเท่านั้นครับ ที่สำคัญคุณจำเป็นต้องมีประวัติการผ่อนชำระที่ดีมาโดยตลอดจึงจะมีสิทธิ์ที่จะขอใช้เงื่อนไขดังกล่าวได้ แต่กระนั้นผลที่จะตามมาก็คือเมื่อผ่านพ้นจากช่วงเวลาในการขอชำระค่าผ่อนที่ต่ำกว่าปกติไปแล้วในปีหลัง ๆของการผ่อนชำระคุณก็อาจจะต้องชำระค่าผ่อนบ้านในอัตราที่สูงขึ้นกว่าเดิมครับเพื่อให้ทันกับระยะเวลาสิ้นสุดของสัญญาสินเชื่อที่กำหนดไว้
3. ขอขยายเวลาชำระหนี้
การขยายเวลาในการชำระหนี้ออกไปจะช่วยทำให้ยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือนลดลงครับ ซึ่งจะช่วยทำให้สภาพคล่องทางการเงินของคุณได้มีโอกาสหายใจได้คล่องปอดขึ้น แต่ทั้งนี้เงื่อนไขของการขอขยายเวลาชำระหนี้ก็ยังมีอยู่ โดยผู้กู้จะต้องมีอายุน้อยหรืออีกหลายปีกว่าจะมีอายุครบ 70 ปี รวมไปถึงระยะเวลาของสัญญาเงินกู้ในปัจจุบันก็ยังไม่ถึง 30 ปีครับ หากคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งของคุณไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คุณก็หมดสิทธิ์ที่จะใช้วิธีนี้ในการขอประนอมหนี้กับทางสถาบันการเงิน
4. การขอชำระแต่เฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน
ในบางครั้งคุณอาจประสบปัญหาขาดสภาพคล่องหรือจำเป็นต้องหมุนเงินเพื่อนำไปใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นด้านอื่น ๆก่อน และไม่สามารถชำระหนี้ตามปกติได้ การขอผ่อนผันชำระหนี้โดยการชำระเพียงแค่ดอกเบี้ยรายเดือนก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้คุณมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้นครับ แต่การจะใช้วิธีการนี้ได้คุณจำเป็นต้องมีประวัติที่ดีในการชำระหนี้คืนครับ
5. ขอผ่อนผันการค้างชำระ
เมื่อคุณไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดและมียอดค้างชำระเกิดขึ้นไม่ว่าจะกี่งวดก็ตาม ยอดค้างชำระนี้จะรวมไปถึงเบี้ยปรับผิดนัดชำระและอัตราดอกเบี้ยผิดนัดที่สูงขึ้นกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้คุณยิ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้เลย การประนอมหนี้โดยการขอผ่อนผันการค้างชำระจะช่วยให้ผู้กู้สามารถจัดการปัญหาทางการเงินของตนเองได้ซึ่งทางสถาบันการเงินได้กำหนดระยะเวลาเอาไว้ไม่เกิน 36 เดือนครับ โดยวิธีการขอผ่อนผันการค้างชำระมีด้วยกันทั้งหมด 3 รูปแบบให้คุณตัดสินใจเลือกในรูปแบบใด รูปแบบหนึ่งดังนี้
– ขอชำระเป็นเงินก้อนเล็กที่เท่ากันทุกเดือนและผ่อนชำระคืนติดต่อกันทุกเดือน
– ขอชำระเป็นเงินก้อนโดยแบ่งเป็นงวด ๆตามที่ได้ตกลงไว้
– ขอชำระเงินคงค้างทั้งหมดภายในระยะเวลาหนึ่ง
6. ขอโอนหลักทรัพย์เป็นของธนาคารชั่วคราวและจะซื้อคืน
หากดูแล้วว่าคุณไม่น่าจะสามารถจัดการกับปัญหาสภาพคล่องทางการเงินได้ภายใน 1 ปี วิธีการนี้ก็ยังเป็นวิธีการสุดท้ายที่จะทำให้คุณไม่ต้องผิดนัดชำระหนี้กับทางสถาบันการเงินครับ การประนอมหนี้แบบนี้จะคล้ายกับวิธีการขายฝากแล้วคุณเช่าบ้านของตัวเองอยู่โดยมีค่าเช่าหลักทรัพย์ที่ 0.4-0.6 % ของมูลค่าหลักทรัพย์ที่ทำการประเมินครับ โดยในวันที่โอนกรรมสิทธิ์นั้นหากยอดหนี้ของคุณมีมูลค่าสูงกว่าราคาประเมินคุณจำเป็นต้องชำระส่วนต่างนั้นให้แก่ทางสถาบันการเงินเช่นกัน วิธีการนี้จะช่วยไม่ให้คุณต้องเสียเครดิตและช่วยจัดการปัญหาหนี้เงินกู้ที่ค้างคาของคุณได้ครับ และคุณยังสามารถขอซื้อคืนได้ในอนาคต โดยผู้เช่าสามารถขอสินเชื่อใหม่ได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ ครับ
เมื่อคุณขอประนอมหนี้กับทางสถาบันการเงินแล้ว คุณจำเป็นต้องทำตามข้อตกลงที่ได้ตกลงไว้อย่างเคร่งครัดครับ เพราะเมื่อคุณบิดพลิ้วจากสิ่งที่ได้ตกลงกับทางสถาบันการเงินขึ้นมา นอกจากเครดิตของคุณจะเสียไปแล้วก็มีโอกาสอย่างมากที่คุณจะต้องสูญเสียบ้านอันเป็นน้ำพักน้ำแรงของคุณมาตลอดหลายปีไปอย่างน่าเสียดาย แต่เหนืออื่นใดหากคุณมีการวางแผนทางการเงินที่ดีพอ ปัญหาหนี้บ้านที่คุณมีอยู่ก็จะไม่สามารถย้อนกลับมาทำร้ายตัวคุณเองได้อย่างแน่นอน แล้วพบกันใหม่ในตอนถัดไปของซีรี่ย์ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐครับ
ติดตามบทความดี ๆทางช่องทางโซเชี่ยลได้ที่นี่ครับ
