ในเรื่องของการเงินคำว่าติดแบล็กลิสต์คือคำที่สร้างความกังวลใจให้กับลูกหนี้ไม่น้อยครับ เพราะทุกคนมักจะเข้าใจกันว่าเมื่อเราติดแบล็กลิสต์แล้ว เราจะไม่สามารถขอสินเชื่อจากทางสถาบันการเงินใด ๆได้เลยตลอดชีวิต ลูกหนี้ทั้งหลายจึงพยายามไม่ให้ตนเองต้องติดแบล็กลิสต์หรือก็คือพยายามที่จะชำระสินเชื่อของตนให้ตรงตามกำหนดเวลาเสมอ ซึ่งจริง ๆแล้วการพยายามชำระสินเชื่อให้ตรงตามกำหนดนับเป็นเรื่องดีที่ลูกหนี้ต้องพยายามทำให้ได้อยู่แล้วครับ แต่กับความเข้าใจที่ว่าเมื่อติดแบล็กลิสตืแล้วจะไม่สามารถขอสินเชื่อใด ๆได้อีกเลยตลอดชีวิตนั้นแท้จริงแล้วความเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่ ติดแบล็กลิสต์ทำอย่างไรดีบทความนี้มีคำตอบครับ
เครดิตบูโร: อีกหนึ่งคำที่มักได้ยินบ่อย ๆเมื่อมีการพูดถึงการผิดนัดชำระหนี้
นอกเหนือจากคำว่าติดแบล็กลิสต์แล้ว อีกคำหนึ่งที่เรามักได้ยินอยู่เสมอหากมีกรณีของการผิดนัดชำระหนี้ก็คือคำว่าติดเครดิตบูโร แต่แท้จริงแล้วเครดิตบูโรที่แท้จริงมีชื่อเต็มว่า บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Credit Bureau) ครับซึ่งองค์กรนี้มีหน้าที่ในการเก็บรวบรวมประวัติการชำระหนี้ของลูกหนี้ทุกคน โดยเก็บบันทึกประวัติการชำระหนี้ตั้งแต่งวดล่าสุดย้อนหลังไป 36 งวดหรือก็คือ 3 ปีย้อนหลังนับตั้งแต่การชำระหนี้งวดล่าสุดครับ โดยข้อมูลเหล่านี้ทางเครดิตบูโรจะได้รับมาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้ทุกคนทั้งลูกหนี้ที่เป็นบุคคลธรรมดาและเจ้าหนี้ที่เป็นนิติบุคคลต่าง ๆ ซึ่งต้องรายงานสถานะต่าง ๆของลูกหนี้ทุกเดือนเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลกลางที่เครดิตบูโรเท่านั้น
เคยผิดนัดชำระหนี้แล้วขอสินเชื่อไม่ผ่าน เกิดจากเครดิตบูโรขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์เราเสียแล้วจริงหรือ
จากข้อมูลข้างต้นเกี่ยวกับหน้าที่ของเครดิตบูโรที่มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลประวัติการชำระหนี้ของลูกหนี้ที่ทางสถาบันการเงินนำส่งข้อมูลนั้น เราจะเห็นได้ว่าเครดิตบูโรไม่ได้มีหน้าที่ใด ๆเลยที่จะขึ้นบัญชีดำหรือแบล็กลิสต์คุณครับ ดังนั้นจากคำกล่าวที่ว่าเมื่อคุณผิดนัดชำระหนี้แม้เพียงสักครั้งแล้วคุณจะถูกขึ้นบัญชีดำติดแบล็กลิสต์ทำให้ไม่สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินใด ๆได้อีกเลยนั้นจึงเป็นคำพูดและความเข้าใจที่ผิดอย่างมาก และออกแนวเกินเลยเพื่อขู่ให้ลูกหนี้ต้องพยายามชำระหนี้ตามกำหนดเท่านั้น คำว่าติดแบล็กลิสต์จึงไม่มีอยู่จริงในสารบบการเงินเลยแม้แต่น้อยครับ
เมื่อการติดแบล็กลิสต์ไม่มีอยู่จริง แล้วทำไมเมื่อเราเคยผิดนัดชำระหนี้แล้วจึงไม่สามารถยื่นขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้
แม้คำว่าติดแบล็กลิสต์จะไม่มีอยู่จริง แต่กระนั้นจากประวัติการผิดนัดชำระหนี้ของคุณที่ปรากฏอยู่บนระบบข้อมูลของเครดิตบูโรย้อนหลังถึง 36 งวดก็สามารถทำให้คุณไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่คุณต้องการขอสินเชื่อได้แล้วครับ เพราะข้อมูลเครดิตบูโรนั้นแท้จริงแล้วคือข้อมูลที่แสดงว่าตัวคุณเองนั้น “มีความน่าเชื่อถือมากเพียงใดในการชำระหนี้คืนเมื่อสถาบันการเงินอนุมัติวงเงินสินเชื่อให้กับคุณแล้ว” เพราะเมื่อคุณทำเรื่องยื่นขอสินเชื่อกับทางสถาบันการเงินใด ๆก็ตาม นอกเหนือไปจากที่สถาบันการเงินจะตรวจสอบข้อมูลทางการเงินที่คุณยื่นเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ ทางสถาบันการเงินจะทำการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคุณอีกทางหนึ่งที่ฐานข้อมูลของเครดิตบูโรครับ ดังนั้นหากคุณมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ปรากฏอยู่บนฐานข้อมูลของเครดิตบูโรและเมื่อสถาบันการเงินตรวจพบก็มีโอกาสเป็นไปได้มากครับที่ทางสถาบันการเงินจะไม่อนุมัติสินเชื่อให้กับคุณจากข้อมูลที่สถาบันการเงินได้รับจากเครดิตบูโรนี้เอง
เมื่อผิดนัดชำระหนี้จนมีข้อมูลไปปรากฏอยู่บนเครดิตบูโร ต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าประวัติของเราจะกลับมาใส สะอาดอีกครั้ง ติดแบล็กลิสต์ทำอย่างไรดี
อย่างที่กล่าวไปแล้วครับว่าข้อมูลของเครดิตบูโรจะเก็บข้อมูลการชำระหนี้ของเราไว้เพียงแค่ 36 งวดหรือ 3 ปีเท่านั้น ข้อมูลที่เก่าไปกว่านั้นจะไม่ถูกระบบเก็บข้อมูลเอาไว้อีก นั่นก็หมายความว่าหากคุณผิดนัดชำระหนี้จนมีข้อมูลปรากฏอยู่ในระบบของเครดิตบูโร สิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือการอดทนรอเวลา 3 ปีซึ่งในระหว่างนี้ให้คุณพยายามรักษาเครดิตของคุณให้เป็นปกติไปเรื่อย ๆเพื่อให้ข้อมูลการชำระหนี้ตรงเวลาใหม่ ๆของคุณเข้าไปแทนที่และดันข้อมูลชุดเก่าของคุณให้ค่อย ๆขึ้นไปเรื่อย ๆจนครบ 36 งวด เมื่อนั้นข้อมูลในเครดิตบูโรของคุณก็จะกลับมาใสสะอาดอีกครั้งและทำให้การขอสินเชื่อของคุณหลังจากนี้มีโอกาสได้รับการอนุมัติได้ง่ายขึ้นครับ
อย่ารอให้เสียประวัติแล้วค่อยมาทำการแก้ไข ในเมื่อเรื่องของการเงินคุณสามารถจัดการได้ตั้งแต่ต้นทาง
เมื่อคุณเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของการติดแบล็กลิสต์และคำว่าติดเครดิตบูโรแล้วว่าเป็นอย่างไรและมีผลต่อการขอสินเชื่อของคุณหรือไม่ สิ่งที่คุณจะต้องคำนึงถึงมากกว่าก็คือ “จะทำอย่างไรไม่ให้ประวัติการชำระหนี้ของคุณต้องมัวหมอง” มากกว่าการที่ต้องมานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรดีถ้าติดเครดิตบูโร สิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณไม่มีโอกาสพบกับคำว่าเสียประวัติทางการเงินและเป็นคำพูดง่าย ๆเพียงไม่กี่พยางค์แต่กระนั้นก็กลับเป็นเรื่องยากสำหรับใครบางคน คำพูดง่าย ๆ สั้น ๆกระชับและได้ใจความที่คุณต้องพยายามทำให้ได้ เพราะเป็นวิธีการป้องกันตนเองให้หลุดพ้นจากปัญหาเรื่องของการเงินได้ดีที่สุดก็คือ “วินัยทางการเงิน” ครับ วินัยทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญสิ่งเดียวที่จะทำให้คุณปลอดภัยและไม่ต้องมานั่งปวดหัวหาทางแก้ไขเกี่ยวกับปัญหาในเรื่องของการเงินอีกเลย
การติดเครดิตบูโรไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อยหากคุณมีวินัยทางการเงินที่ดี คุณจะไม่มีวันประสบปัญหาเรื่องของการติดเครดิตบูโรครับ หากคุณกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเครดิตบูโรนั่นแสดงว่าคุณหย่อนยานในเรื่องของวินัยทางการเงินเสียแล้ว นี่ต่างหากจึงจะเป็นปัญหาที่คุณต้องกลับมาขบคิดและเป็นปัญหาที่น่ากลัวกว่าการติดเครดิตบูโรหลายเท่าครับ
ติดตามบทความดี ๆทางโซเชี่ยลได้ที่นี่ครับ

[…] […]
[…] <<ตอนที่ 16 // ตอนที่ 18>> […]