จากวิกฤตสู่บทเรียน: 6 บทเรียนจากวิกฤตโควิดที่เราต้องเรียนรู้

6 บทเรียนจากวิกฤตโควิด

วิกฤตโควิดที่ผ่านมาได้สร้างผลกระทบให้กับผู้คนไม่น้อยครับ หลายรายต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงในชีวิตที่ไม่เคยเจอมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงตกงาน ความเสี่ยงติดเชื้อ ความเสี่ยงที่จะสูญเสียสิ่งที่สร้างมากับมือ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนแล้วแต่เป็นวิกฤติครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับหลาย ๆคนครับ แต่กระนั้นภายใต้ภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นก็ยังมีบทเรียนสำคัญที่ทำให้เราได้มีโอกาสเรียนรู้และปรับปรุงตนเองจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้เช่นกัน ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปเรียนรู้พร้อม ๆกันครับว่าหลังจากภายใต้ภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นนี้มี6 บทเรียนจากวิกฤตโควิดอะไรที่เราได้เรียนรู้กันบ้าง เพื่อเสริมภูมิต้านทานของตัวคุณเองในอนาคตครับ

6 บทเรียนจากวิกฤตโควิด: 6 บทเรียนจากสถานการณ์จริงที่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น

1. อะไรที่คุณคิดว่าแน่นอน มันก็ไม่แน่นอนเสมอไป

“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน” นี่คือที่สุดแห่งประโยคคลาสสิคที่เราต้องเคยได้ยินได้ฟังกันครับ ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤติหลาย ๆคนมีชีวิตที่ดี มีการงานที่ดีและรู้สึกว่าตนเองมีความมั่นคงของชีวิตแล้ว แต่เมื่อวิกฤตโควิดถาโถมเข้ามา ทำให้หลาย ๆคนต้องเผชิญวิกฤตหลายอย่างที่คาดไม่ถึง มนุษย์เงินเดือนหลายคนต้องถูกลดเงินเดือน บางคนต้องถูกให้หยุดงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนและมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องออกจากงานประจำที่ทำมานานเพราะวิกฤตที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทที่ทำงานอยู่ได้รับผลกระทบ ในขณะเดียวกันเจ้าของกิจการหลาย ๆรายก็ประสบปัญหากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกันครับเมื่อออเดอร์ที่ดูจะไปได้สวยเมื่อก่อนการมาของโควิดกลับลดหดหายไปจนเกือบหมดทำให้รายรับไม่เพียงพอกับรายจ่ายประจำซึ่งแม้จะมีมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐแต่หลาย ๆกิจการก็ไม่อาจอยู่รอดเนื่องด้วยสายป่านที่ยาวไม่พอครับ ดังนั้นจากวิกฤติในครั้งนี้สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้คือ “ความแน่นอนที่คุณคิดว่ามีแท้ที่จริงแล้วมันคือภาพมายาที่จะทำให้คุณประมาทเท่านั้น” สิ่งที่คุณควรทำหลังจากนี้คือการวางแผนชีวิตในด้านต่าง ๆด้วยความไม่ประมาทครับ เพราะในอนาคตก็ไม่แน่ว่าคุณอาจจะต้องเจอกับวิกฤตอื่น ๆอีกหรือไม่

2. เงินทองต้องมีเก็บ วิกฤตที่ผ่านมาผู้ที่มีโอกาสรอดคือคนที่มีสายป่านยาว

เงินเก็บไม่พอที่จะใช้ชีวิตในยามที่ขาดรายได้คือปัญหาสำคัญของวิกฤตโควิดในครั้งนี้ครับ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงวินัยทางการเงินที่ผ่านมาของคนจำนวนไม่น้อยที่แทบจะไม่เหลือเงินเก็บออมเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินเลย ทั้ง ๆที่การมีเงินเก็บสำรองเอาไว้คือหลักประกันความมั่นคงในระยะยาวของตัวเอง บางคนก็ตกหลุมพรางทางการเงินที่ทำให้เงินเก็บที่ควรจะมีกลับแทบจะไม่เหลือเลย และเมื่อเกิดวิกฤตในชีวิตขึ้นมาคนกลุ่มนี้ก็จะเป็นคนในกลุ่มแรก ๆที่จะมีปัญหาทันทีเพราะรายได้หดหายไม่เพียงพอต่อรายจ่ายครับ ดังนั้นจากวิกฤตที่เกิดขึ้นนี้เป็นบทเรียนให้คุณได้เรียนรู้ว่าคุณจำเป็นต้องมี “วินัยทางการเงิน” และรู้จักบริหารการเงินส่วนบุคคลให้ดีเพื่อที่คุณจะมีเงินเก็บออมเอาไว้เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงในอนาคตของตัวเอง เพราะไม่แน่ครับว่าในอนาคตของคุณจะต้องพบเจอวิกฤตในชีวิตอีกหรือไม่ ซึ่งหากคุณมีเงินออมฉุกเฉินมากพอ เงินออมนี้จะช่วยต่อลมหายใจของคุณและทำให้คุณมีเวลาคิดวางแผนเพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤตอื่น ๆที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ครับ

3. ต้องรักในงานที่ทำ เพราะความมั่นคงของงานในอนาคตอยู่ที่ว่าคุณมีประโยชน์ต่อองค์กรมากแค่ไหน

จากบทเรียนในครั้งนี้อีกหนึ่งสิ่งที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ก็คือ “คุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” ครับ ดังนั้นเมื่อคุณมีงานประจำไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม จงภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับองค์กรนั้นและทำงานให้เต็มที่ เต็มกำลังความสามารถของคุณครับ เพราะความมั่นคงในการทำงานที่แท้จริงนอกจากจะเป็นเรื่องของรายได้ที่เข้ามาในองค์กรแล้วก็อยู่ที่ว่าคุณทำประโยชน์อะไรให้กับองค์กรของคุณบ้างและทำประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใดครับ หากคุณสังเกตดี ๆจะพบว่าการที่องค์กรหนึ่งจะลดคนเพื่อพยุงวิกฤติขององค์กร สิ่งแรกที่องค์กรจะพิจารณาก็คือหน่วยงานในองค์กรที่ทำประโยชน์ให้แก่องค์กรน้อยที่สุดก่อนเสมอครับ และหน่วยงานที่จะถูกพิจารณาเป็นลำดับสุดท้ายก็คือหน่วยงานที่ทำรายได้และสร้างประโยชน์ให้แก่องค์กรนั่นเอง ดังนั้นการทำงานในสไตล์เช้าชามเย็นชามในอนาคตก็มีโอกาสมากครับที่จะถูกเพ่งเล็งจากเบื้องบน และยิ่งหากงานของคุณสามารถทดแทนด้วยสิ่งอื่นได้ คุณก็มีโอกาสที่จะตกงานสูงมากในอนาคตนั่นเอง

4. ยุคออนไลน์นั้นมาแน่ หากต้องการอยู่รอดในยุคหน้าที่กำลังจะมาคุณต้องรู้จักปรับตัว

จากวิกฤตในครั้งนี้ มีสิ่งหนึ่งที่เติบโตสวนทางกับคนอื่นครับ ซึ่งแท้จริงแล้วสิ่งนี้ค่อย ๆเฟื่องฟูมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนการเกิดวิกฤตโควิด และสิ่ง ๆนั้นก็คือ “ยุคของโลกออนไลน์” ครับ มีคนกล่าวเอาไว้ว่าโลกในยุคหน้าคือยุคทองของการออนไลน์ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิตของคนส่วนใหญ่ หลากหลายธุรกรรมจะดำเนินไปภายใต้เทคโนโลยีออนไลน์ซึ่งก็รวมไปถึงระบบของธุรกิจต่าง ๆด้วยที่เจ้าของกิจการเริ่มเข้ามาใช้การออนไลน์เพื่อสร้างยอดขาย ซึ่งก่อนหน้านี้ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งที่ยังไม่มั่นใจในความปลอดภัยของระบบออนไลน์ทำให้ยังคงใช้ระบบออฟไลน์ในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆอยู่ แต่เมื่อเกิดวิกฤตโควิดเกิดขึ้นทำให้คนไม่กล้าที่จะออกไปไหน ผู้ที่มีทัศนคติไม่ดีต่อการออนไลน์จึงมีโอกาสได้ทดลองใช้บริการออนไลน์มากขึ้นจากภาวะจำยอมในตอนแรก แต่แล้วเมื่อพวกเขาได้รับความสะดวกสบายจากระบบนี้และรู้แล้วว่าระบบออนไลน์ก็มีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง สิ่งนี้ก็คือตัวเร่งที่จะทำให้ยุคทองของการออนไลน์มาเร็วขึ้นกว่าจากที่คาดการณ์กันครับ ดังนั้นหากคุณต้องการจะอยู่รอดในยุคหน้า สิ่งแรกที่คุณจะต้องทำก็คือการปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นให้ทันนั่นเอง

5. เรามีชีวิตเพียงชีวิตเดียว ต้องรู้จักถนอมรักษาและดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ

สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญครับ ผู้ที่มีสุขภาพที่แข็งแรงย่อมมีภูมิต้านทานที่จะต้อสู้กับโรคร้ายได้ดีกว่าผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรงหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว จากภาวะของโรคโควิดที่ผ่านมาอีกหนึ่งบทเรียนที่เราต้องเรียนรู้ก็คือ ผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะมีอาการหนักหรือมีโอกาสเสียชีวิตสูงหากติดเชื้อก็คือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนแล้วนั่นเอง ดังนั้นหลังจากวิกฤตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คุณจำเป็นต้องดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงครับทั้งในเรื่องของอาหารการกิน การออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรง หลีกเลี่ยงพฤตอิกรรมที่จะมาบั่นทอนสุขภาพรวมไปถึงการรู้จักจัดการกับปัญหาความเครียดซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาวได้เช่นกัน

6. รู้จักปล่อยวางจากความเครียดเสียบ้าง ทำใจให้เบิกบาน มีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง

มีอีกหนึ่งคำกล่าวที่ว่า “เมื่อใดก็ตามที่คุณผ่านพ้นวิกฤตใด ๆมาได้อย่างฉิวเฉียด คุณจะมีทัศนคติต่อสิ่งต่าง ๆที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม” สำหรับผู้ที่ผ่านพ้นวิกฤตโควิดมาได้ สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้คุณระลึกอยู่เสมอก็คือจงมีชีวิตอยู่ด้วยความภาคภูมิใจในตนเองครับ พยายามปลูกฝังทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับตนเองอยู่เสมอ เพราะเมื่อใดที่คุณมีความคิดในด้านบวกให้กับตนเอง พลังงานบวกที่ว่านี้จะแสดงออกมาผ่านทุก ๆคำพูดและการกระทำของคุณเอง และพลังงานบวกนี้ก็จะไปดึงดูดเรื่องดี ๆให้เข้ามาในชีวิตของคุณเอง พยายามปล่อยวางจากความเครียด ใช้ชีวิตด้วยจิตใจที่เบิกบานและยอมรับในตนเอง ภูมิใจในสิ่งที่เป็นคุณ เพียงเท่านี้คุณก็จะกลายเป็นคนหนึ่งที่มีความสุขในการใช้ชีวิตหลังจากวิกฤตผ่านพ้นไปครับ

ทั้งหมดนี้ก็คือบทเรียนที่น่าสนใจที่เราได้เรียนรู้หลังจากเกิดภาวะวิกฤตโควิดที่ส่งผลกระทบกับเราในแทบจะทุกเรื่องครับ การเรียนรู้จากวิกฤติไปพร้อม ๆกับแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นคือพรสวรรค์สำคัญที่ทำให้มนุษย์นั้นแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ และพรสวรรค์นี้ก็แน่นอนว่ามันได้ซุกซ่อนอยู่กับพวกเราทุก ๆคนครับ ตั้งสติให้ดีแล้วพิจารณาหาหนทางที่ดีที่สุดให้กับตนเองในการผ่านพ้นวิกฤต ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าหลังจากภาวะวิกฤตผ่านพ้นไป “ฟ้าหลังฝนที่งดงาม” จะเป็นรางวัลของความพยายามของทุกท่านครับ

ติดตามสาระดี ๆทางโซเชี่ยลได้ที่นี่ครับ

6 บทเรียนจากวิกฤตโควิด

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here