ทักษะการปรับตัว: ทักษะสำคัญแห่งอนาคตที่ทุกคนต้องมี

ทักษะการปรับตัว

เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก เมื่อเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้นเราจะพบว่าการใช้ชีวิตประจำวันของเราก็มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จากที่ต้องออกไปซื้อหาอาหารหรือสินค้าที่ต้องการเราก็มีบริการเดลิเวอรี่รวมถึงการสั่งซื้อสินค้าหรืออาหารด้วยเทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งการทำธุรกรรมต่าง ๆที่เราใช้เทคโนโลยีมาช่วยเหลือด้วยเช่นกัน และไม่เว้นแม้กระทั่งรูปแบบในการทำงานที่เทคโนโลยีก็จะยิ่งทวีความสำคัญและทำให้รูปแบบในการทำงานหลายอย่างแปรเปลี่ยนไป “การปรับตัว” จึงเป็นทักษะสำคัญของอนาคตที่เราควรให้ความสนใจ ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักทักษะสำคัญทักษะหนึ่งในอนาคตที่เราทุกคนควรจะเรียนรู้กันไว้นี้ให้มากขึ้นครับ

ทักษะการปรับตัวไม่ใช่เรื่องใหม่หากแต่เป็นสัญญาณการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิต

ทักษะในการปรับตัวจริง ๆ แล้วไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่อะไรเลยแม้แต่น้อย หากแต่เป็นสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดที่ติดตัวมาของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดก็ว่าได้ หากเราลองสังเกตดูให้ดีจะพบว่า แม้กระทั่งในสัตว์เองก็มีความพยายามที่จะปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ อยู่เสมอ ดังเช่นการที่สัตว์บางชนิดก็สามารถปรับตัวให้รอดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิต หรือแม้กระทั่งในสัตว์เลี้ยงบางชนิดเช่นแมวหรือสุนัขที่มีความพิการก็สามารถที่จะปรับตัวเองให้เคลื่อนไหวด้วย 2 ขาหลังได้เมื่อขาหน้าทั้ง 2 ข้างได้รับความเสียหาย เป็นต้น ทักษะการปรับตัวจึงอาจจะกล่าวได้ว่าแทบจะเป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับสัญชาตญาณเพื่อเอาชีวิตรอดของสิ่งมีชีวิตนั่นเองและเมื่อการปรับตัวนั้นประสบความสำเร็จก็จะเกิดการวิวัฒนาการขึ้นจนกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ ๆ หรือมีความสามารถใหม่ ๆแต่ในทางกลับกันสิ่งมีชีวิตใดที่ปรับตัวเองไม่ได้สิ่งมีชีวิตนั้นก็จะสูญพันธุ์ไปในที่สุด

ทักษะในการปรับตัวไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะในอดีตเราล้วนต้องเคยปรับตัวเองมาแล้วทั้งนั้น

ทักษะการปรับตัวอาจฟังดูเป็นคำที่มีความหมายเป็นทางการ แต่เชื่อเถิดว่าหากเราย้อนกลับไปสู่ช่วงอดีตที่ผ่านมา เราทุกคนล้วนแล้วแต่ใช้และมีทักษะนี้มาแล้วทั้งนั้นแต่เราอาจจะไม่เคยรู้ตัวเลยก็ได้ ทักษะในการปรับตัวไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงที่เราเติบโตหรือเข้าสู่ช่วงวัยทำงานเท่านั้น หากแต่มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเรายังเป็นเด็กเลยด้วยซ้ำ หากคุณยังคงนึกไม่ออกลองนึกถึงเมื่อตอนที่คุณเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนใหม่ ๆ คุณต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ หรือเมื่อตอนที่คุณย้ายที่เรียนคุณก็ต้องปรับตัวเพื่อให้เข้สกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เพื่อนกลุ่มใหม่เช่นกัน และหากมีการโยกย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยเราก็ต้องมีการปรับตัวเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ก็คือ “ทักษะในการปรับตัว” นั่นเอง

เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้ามนุษย์ก็ยิ่งต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง

หากเรามองในหน่วยที่ย่อยที่สุดเช่นการใช้ชีวิตประจำวันเราจะเริ่มเห็นว่าแท้จริงแล้วเรามีการนำทักษะในการปรับตัวมาใช้อยู่เสมอ แต่หากว่าเรามองในภาพรวมที่ใหญ่ขึ้นมาล่ะ เราจะยิ่งเห็นการนำทักษะในการปรับตัวมาใช้อยู่เสมอ และมันก็เกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วนในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาตินี้เอง จากยุคหินมาสู่ยุคโลหะ จากยุคที่มนุษย์เร่ร่อนไปตามแหล่งต่าง ๆ สู่การรวมกลุ่มตั้งถิ่นฐาน หรือจากยุคเกษตรกรรมไปสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เราจะเห็นได้ชัดเจนว่าเมื่อเทคโนโลยีมีความก้าวหน้า มนุษย์จำเป็นต้องอาศัยทักษะในการปรับตัวมาเพื่อทำให้ตนเองอยู่รอดและไม่ให้ตนเองตกเทรนด์ของกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้ ใครก็ตามที่ปรับตัวเองได้ดีคน ๆ นั้นไม่เพียงแต่จะอยู่รอดได้เท่านั้นแต่จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่โดดเด่นมากกว่าคนอื่นและพวกเขาก็จะก้าวขึ้นมายืนอยู่ในแถวหน้าของแต่ละวงการ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่ายิ่งเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่ มนุษย์ก็ยิ่งต้องใช้ทักษะในการปรับตัวมากขึ้นเท่านั้น และใครก็ตามที่ปรับตัวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงในที่สุดพวกเขาก็จะถูกทิ้งให้รั้งท้ายอยู่เสมอ สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่กล่าวเกินจริงเลยเพราะมันมีตัวอย่างให้เห็นอยู่เสมอในหน้าประวัติศาสตร์ของความเปลี่ยนแปลงในทุกยุคทุกสมัยนั่นเอง

เมื่อระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนไปการทำงานเปลี่ยนแปลงทักษะของการปรับตัวจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ

การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีต่อระบบเศรษฐกิจมีปรากฏให้เห็นตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เมื่อเครื่องจักรเริ่มเข้ามาแทนที่แรงงานคน แม้จะยังไม่ 100% แต่ก็ทำให้คนในยุคนั้นต้องปรับตัวเพื่อเรียนรู้การใช้เครื่องจักรต่าง ๆ ในการทำงาน คนจึงมีหน้าที่ในการควบคุมจักรกลเหล่านั้นแทนการใช้แรงงานทั้งหมด แต่เมื่อเทคโนโลยีการสื่อสารมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดร่วมกับการพัฒนาของอินเทอร์เน็ตที่มีความรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น สมองกลหรือ AI รวมถึงเทคโนโลยีทันสมัยต่าง ๆ ได้ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อมุ่งหวังถึงผลลัพธ์ในการผลิตของอุตสาหกรรม จากแรงงานคนที่ใช้เพื่อควบคุมเครื่องจักรก็เริ่มลดทอนเหลือเพียงผู้เชี่ยวชาญในการควบคุมระบบแทน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการเข้ามาแทนที่ของเทคโนโลยีต่อแรงงานของคน สิ่งเหล่านี้เริ่มปรากฏผลให้เห็นแล้วในหลาย ๆ อุตสาหกรรมที่พึ่งพาแรงงานคนน้อยลงและส่งผลให้แรงงานที่ไม่มีทักษะพิเศษเริ่มตกงานไปเรื่อย ๆ เพราะการแทนที่ของเทคโนโลยีที่บันดาลกำลังในการผลิตและความแม่นยำที่สูงกว่าแรงงานของคนครับ

และเมื่อโลกไร้พรมแดนมากขึ้นเกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ดิจิทัลมากขึ้น แรงงานอีกหลายภาคส่วนก็เริ่มได้รับผลกระทบจากการแทนที่ของเทคโนโลยีกันมากขึ้น นอกเหนือไปจากผู้ใช้แรงงานบางสายงานเราเริ่มเห็นการแทนที่และการลดจำนวนคนในอีกหลายภาคส่วนเช่นในระบบการเงินที่หันมาใช้เทคโนโลยีทั้งอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งและโมบายแบงก์กิ้งกันมากขึ้น และนอกจากนี้จากความรวดเร็วของการติดต่อสื่อสารทำให้วิถีชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไป โลกออนไลน์เริ่มปรากฏขึ้นพร้อม ๆ กับกิจกรรมและธุรกรรมในระบบออนไลน์ได้ถือกำเนิดขึ้น สิ่งนี้ก็คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แรงงานมนุษย์หลาย ๆ ภาคส่วนยิ่งค่อย ๆ ลดจำนวนลง รวมไปถึงรูปแบบในการทำงานที่เปลี่ยนไป บริษัทต่าง ๆ ที่มีการนำเทคโนโลยีมาช่วยงานในแต่ละแผนกก็เริ่มใช้คนทำงานน้อยลง ทั้งหมดนี้คือความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ส่งผลโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจและมีผลกระทบต่อ “คน” นั่นเอง

สถานการณ์โควิดกับอัตราเร่งของการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้นการปรับตัวจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ

เมื่อเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เราเรียนรู้วิถีทางแบบใหม่ทั้งในการใช้ชีวิตและการทำงาน เกิดเป็นศัพท์ใหม่ที่เราแทบไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างวิถี new normal รวมไปถึงการทำงานที่บ้านอย่าง work from home ซึ่งทั้งหมดนี้ในอนาคตจะต้องเกิดขึ้นแน่เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและสัญญาณ 5G ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา แต่กลายเป็นว่าโควิดคือตัวเร่งที่ทำให้อัตราการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นไวกว่าเดิม เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ในทางเศรษฐกิจมากขึ้นเช่นมีการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่มนุษย์มากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มที่จะทำให้เกิดการระบาด วิธีการทำงานที่เปลี่ยนไปทั้งการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ การทำงานจากที่ต่าง ๆ และส่งงานกลับมาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การพัฒนาของระบบการค้าออนไลน์ที่ดีดตัวสูงขึ้นและอีกหลาย ๆ อย่างที่จะเกิดขึ้นตามมา ทั้งหมดนี้คือความเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายความอยู่รอดของเรามากทีเดียว ใครที่สามารถปรับตัวให้เป็นส่วนหนึ่งของโลกในยุคดิจิทัลได้ก็จะกลายเป็นผู้รอดแต่ถ้าใครที่ไปต่อไม่ไหวสุดท้ายก็จะถูกทิ้งให้เคว้งคว้างอยู่ด้านหลังและถูกกลืนหายไปในที่สุด

ทำไมทักษะในการปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญคือสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงคำตอบของปัญหานี้

มาถึงจุดนี้คิดว่าท่านผู้อ่านทุกท่านน่าจะทราบถึงความสำคัญของทักษะของการปรับตัวกันแล้ว และคำถามที่ว่าทำไมทักษะนี้จึงมีความสำเร็จมากนักก็คิดว่าทุกท่านก็น่าจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วเช่นกัน หากต้องการที่จะอยู่รอดจากกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงของโลก และระบบเศรษฐกิจนี้ทักษะนี้คือสิ่งสำคัญมากที่คุณต้องพยายามสร้างและพัฒนามันขึ้นมาให้ได้ ส่วนสาระสำคัญต่อการพัฒนาทักษะของการปรับตัวนี้เป็นเช่นไร ในโอกาสหน้าเราจะมาเรียนรู้กันให้มากขึ้นครับ

ติดตามเราผ่านช่องทางโซเชี่ยลได้ที่นี่ครับ

ทักษะการปรับตัว

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here