ในนาทีนี้ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักชื่อของ “พิมรี่พาย ขายทุกอย่าง” แม่ค้าออนไลน์ปากร้ายแต่จิตใจดีที่สามารถสร้างปรากฎการณ์ขายกล่องสุ่มสินค้าได้ยอดขายกว่า 100 ล้านบาทภายในเวลาเพียง 10 นาที ความสำเร็จเช่นนี้ไม่ได้มาจากคำว่าโชคช่วยเพราะหลายคนมักจะมีภาพจำความสำเร็จของพิมรี่พายไว้ในใจอยู่แล้ว แต่เบื้องหลังของความสำเร็จที่น่าสนใจนี้กลับแฝงไว้ด้วยปรัชญาชีวิตที่น่าสนใจและสามารถถอดรหัสออกมาเพื่อเป็นแนวทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อยากจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน ในบทความนี้เราได้ทำการรวบรวมแนวคิดและปรัชญาในการทำงานที่น่าสนใจเป็น 10 บทเรียนพิมรี่พาย ขายทุกอย่างซึ่งผลักดันให้เธอผู้นี้กลายเป็นแม่ค้าออนไลน์อันดับ 1 ของเมืองไทยมาฝากกันครับ
กว่าจะมีวันนี้พิมรี่พายผู้นี้ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมาไม่น้อย
พิมรี่พาย หรือในชื่อนามสกุลจริงคือ “พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์” สาวสวยหน้าคมผู้มีสายเลือดคนใต้เต็มตัว โดยคุณพ่อของเธอเป็นชาวชุมพร ส่วนคุณแม่เป็นชาวนครศรีธรรมราช แต่เธอเติบโตขึ้นมาในกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันพิมรี่พายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดแกร่งที่มีแก้วตาดวงใจ 2 คนเป็นชาย 1 คนและหญิง 1 คน
หลายคนอาจจะสงสัยว่าชื่อของพิมรี่พายนั้นมาจากไหน สำหรับชื่อนี้เกิดจากความชื่นชอบของตัวเธอเองต่อบิวตี้กูรูคนดังอย่างคุณแพรี่พาย อมตา จิตตะเสนีย์ เพราะความชื่นชอบในความเก่งของคุณแพรี่พายนี้เอง เธอจึงตั้งเป้าหมายที่อยากจะเก่งเหมือนแพรี่พาย จึงเป็นต้นกำเนิดของชื่อพิมรี่พายมาจนในทุกวันนี้
บ้านของพิมรี่พายเองก็ไม่ได้มีฐานะมาตั้งแต่แรก ครอบครัวของพิมรี่พายเองก็ทำอาชีพค้าขายมาตั้งแต่สมัยที่เธอยังเด็ก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พิมรี่พายเองได้ซึมซับความเป็นแม่ค้าเอาไว้ในสายเลือด และจุดเริ่มต้นการเป็นแม่ค้าของพิมรี่พายนั้นก็เริ่มต้นมาจากการเป็นแม่ค้าตลาดนัดธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ผันตัวเองกลายเป็นแม่ค้าออนไลน์จนนำไปสู่การเปิดเพจ “พิมรี่พาย ขายทุกอย่าง” ที่ขายมันทุกอย่างตั้งแต่เครื่องสำอาง น้ำหอม น้ำพริก ขนม ส่วนสาเหตุที่ทำให้เธอเริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จักก็มาจากสไตล์การไลฟ์สดขายสินค้าที่ไม่เหมือนใคร ทั้งฝีปากอันจัดจ้านและการมีปฏิสัมพันธ์อย่างจริงใจและตรงไปตรงมากับลูกค้าจนสามารถสร้างอาณาจักรพิมรี่พายจากการขายของออนไลน์ได้ในเวลาไม่นานนัก
แต่ไม่ว่าพิมรี่พายจะเจอเรื่องดราม่าแค่ไหนก็ตาม เธอจะจัดการแก้ปัญหาจนเรื่องดราม่าเหล่านั้นหายไป ตัวอย่างที่เด่นชัดและยืนยันในเรื่องนี้ได้ดีก็คือเมื่อเธอมีข่าวว่าจำหน่ายเครื่องสำอางปลอม พิมรี่พายก็รีบออกมาชี้แจงและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วจนได้รับทั้งเสียงชื่นชมและความเชื่อมั่นของลูกค้าเพิ่มขึ้นมาในที่สุด
ช่วงเวลาที่น่าประทับใจในชีวิตของพิมรี่พายมี 2 ครั้งที่เธอจดจำได้ไม่รู้ลืมและกลายเป็นแรงผลักดันให้เธอกลายมาเป็นแม่ค้าออนไลน์สายบุญที่มักจะให้ความช่วยเหลือและหยิบยื่นโอกาสให้กับผู้คนต่าง ๆ และเป็นไอดอลที่ทำให้ผู้ติดตามรู้สึกหัวใจพองฟูเสมอเมื่อได้รับชมคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือและตอบแทนสังคมในแต่ละครั้ง ช่วงเวลาประทับใจครั้งแรกเกิดขึ้นสมัยที่เธอยังเป็นเด็กที่ต้องช่วยครอบครัวขายทอดมันซึ่งปรากฎว่ามีผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งที่มาช่วยเหมาทอดมันของเธอในครั้งนั้นไปจนหมด กับอีกครั้งหนึ่งที่เธอต้องมาขายเสื้อผ้าก่อนที่จะเอาดีทางด้านการค้าออนไลน์ ซึ่งในครั้งนั้นเมื่อเธอกำลังมืดบอดด้วยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี ก็ปรากฏว่ามีเจ้าของร้านตัดเสื้อใจดีที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือจนเธอรอดพ้นจากปัญหาในครั้งนั้นมาได้ ซึ่งในเคสหลังนี้เองที่พิมรี่พายเคยออกมาพูดเอาไว้ว่าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือในครั้งนั้นก็คงไม่มีพิมรี่พายวันนี้ และทั้ง 2 เหตุการณ์คือแรงบนดาลใจสำคัญในการตอบแทนสังคมของพิมรี่พายในปัจจุบัน

10 บทเรียนพิมรี่พาย ขายทุกอย่าง: บทเรียนที่ควรศึกษาของแม่ค้าออนไลน์อันดับ 1 ของเมืองไทย
1. มีปัญหาต้องรีบแก้ไขทันทีไม่ทิ้งปัญหาไว้จนกลายเป็นหอกข้างแคร่ที่ย้อนกลับมาทำลายตัวเองได้
ตลอดช่วงระยะที่พิมรี่พายขายสินค้าออนไลน์ในเพจ ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะราบรื่นเสมอไป แม้กระทั่งตัวของพิมรี่พายเองก็ต้องพบเจอปัญหาอยู่หลายต่อหลายครั้ง ทั้งเรื่องของข่าวเกี่ยวกับเครื่องสำอางปลอม หรือแม้กระทั่งเรื่องความล่าช้าในการจัดการออเดอร์ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นสิ่งที่พิมรี่พายทำก็คือการเร่งลงมือจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นทันที เพราะคติหนึ่งที่พิมรี่พายยึดถือก็คือการแก้ไขปัญหาทันที ไม่ควรปล่อยให้เสียเวลา เพราะในโลกของธุรกิจนั้นปลาใหญ่มักจะแพ้ปลาที่ปรับตัวไวเสมอ ด้วยแนวคิดเช่นนี้เองที่ทำให้พิมรี่พายยังคงตระหง่านยืนหนึ่งเป็นแม่ค้าออนไลน์อันดับ 1 เอาไว้ได้
2. ความต้องการของลูกค้าคือสิ่งสำคัญที่คนขายของต้องใส่ใจ
จะขายของออนไลน์ไม่ใช่มานั่งคิดเองเออเองว่าลูกค้าชอบอะไร พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ดีจะต้องรู้จักความต้องการของลูกค้าว่าลูกค้าต้องการอะไร ความต้องการของลูกค้าก็คือครูของคนขายของที่ช่วยสอนให้เราเกิดการเรียนรู้ พัฒนาและเติบโต การขายของตามความต้องการของลูกค้าจะแสดงถึงความใส่ใจที่เรามีต่อลูกค้า ผลลัพธ์ความสำเร็จย่อมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
3. เห็นปากร้ายแบบนี้ ตัวตนที่แท้จริงของพิมรี่พายก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับกาลเทศะไม่น้อยนะจ๊ะ
แม้ภาพลักษณ์ของพิมรี่พายจะดูเป็นแม่ค้าปากร้ายที่พูดจาโผงผาง แต่ใครจะรู้ว่าด้วยภาพลักษณ์เช่นนี้คำว่า “กาลเทศะ” จะเป็นสิ่งที่พิมรี่พายให้ความสำคัญไม่น้อย การพูดจาพิมรี่พายมักจะคำนึงถึงกาลเทศะก่อนเสมอ รู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร พูดอย่างไร เจอผู้ใหญ่ก็ควรพูดสุภาพ ไม่พูดคำหยาบ หรือแม้กระทั่งเจอคนที่สามารถช่วยสนับสนุนเขาได้ พิมรี่พายเองก็จะใช้คำพูดที่ช่วยสร้างกำลังใจให้กับพวกเขา เพราะการมีกาลเทศะเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน
4. คนที่รู้จักบริหารจัดการเวลาได้คือคนที่จะประสบความสำเร็จ
พิมรี่พายเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเวลาเป็นอย่างมาก ในความคิดของเธอนั้นคนที่จะประสบความสำเร็จได้คือคนที่มีความสามารถในการบริหารจัดการเวลาได้เท่านั้น ไม่ว่าคุณจะมีรายได้มากมายมหาศาลเพียงใด หากคุณบริหารเวลาไม่เป็นก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ แต่ผู้ที่อาจมีรายได้ไม่มากนักแต่รู้จักการบริหารจัดการเวลาให้เป็น บาลานซ์ชีวิตในแต่ละด้านได้เป็นอย่างดีและมีความสุข คน ๆ นั้นคือคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว
5. กล้าที่จะยอมรับผิด รู้จักที่จะขอโทษในสิ่งที่ตนผิดพลาดและจดจำความผิดพลาดเป็นบทเรียนสำคัญที่จะไม่ทำซ้ำอีก
ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิด เมื่อใดที่เราทำผิดพลาดในเรื่องใดขึ้นมา สิ่งแรกที่เราควรจะทำก็คือการรู้จักกล้าที่จะยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้นอย่างจริงใจ รู้จักที่จะขอโทษในสิ่งที่ตนทำผิดพลาดนั้นและต้องจดจำเอาความผิดพลาดนั้นเป็นบทเรียนสำคัญที่เราจะไม่ทำให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างเด็ดขาด คนที่กล้าที่จะยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและพร้อมที่จะปรับปรุงตนเองจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีโอกาสก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างที่หวัง

6. กล้าคิด กล้าตัดสินใจจึงจะผลักดันให้ชีวิตก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ ถ้ายังมัวแต่กลัว ๆ กล้า ๆ ก็ไม่มีวันที่จะไปถึงฝั่งฝัน
คนที่อยากจะประสบความสำเร็จมักมีจุดเริ่มต้นเหมือน ๆ กันก็คือการมีความฝันที่อยากจะเป็น แต่สิ่งที่จะตัดสินได้ว่าใครคนไหนจะประสบความสำเร็จคือการลงมือทำ คนที่มีความฝันและกล้าคิด กล้าตัดสินใจเท่านั้นที่จะผลักดันให้ตนเองมีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่หากเรายังมัวแต่กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่ยอมตัดสินใจ ไม่ยอมลงมือทำอะไรสักอย่างท้ายที่สุดความฝันนั้นก็ยังคงเป็นความฝันอยู่เช่นนั้นและคุณจะไม่มีวันเดินหน้าไปสู่ฝั่งฝันที่ต้องการอย่างแน่นอน
7. รับฟังเสียงของคนอื่นได้แต่ไม่จำเป็นต้องฟังไปเสียทุกเรื่อง ให้เลือกเรื่องที่ฟังแล้วเกิดประโยชน์ต่อตัวเองเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงตัวเอง
คำติชมเป็นเสียงสะท้อนที่มีคุณค่าที่เราควรรับฟัง โดยเฉพาะหากคำติชมนั้นเป็นสิ่งที่เราสามารถนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาตนเองได้ คำติชมที่มีประโยชน์เช่นนี้เท่านั้นที่เราควรให้ความใส่ใจ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเลือกที่จะรับฟังคำติชมต่าง ๆ ให้เป็นว่าสิ่งใดที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวคุณเองอย่างแท้จริง อย่าฟังคำคนในทุก ๆ เรื่องโดยเฉพาะหากพิจารณาแล้วว่าสิ่งนั้นไม่ก่อประโยชน์อะไรกับเรา เราสามารถเลือกที่จะละทิ้งคำพูดเหล่านั้นได้
8. เป็นผู้นำต้องกล้าตัดสินใจ ถ้าผู้นำเหลาะแหละองค์กรจะไม่สามารถเดินหน้าไปต่อได้
ผู้นำที่ดีต้องกล้าที่จะคิดและกล้าที่จะตัดสินใจ ต้องมีความสามารถในการมองปัญหาและตัดสินใจเด็ดขาดแล้วให้เลือกทางที่เกิดประโยชน์ต่อองค์กรมากที่สุด ถ้าผู้นำไม่ทำหน้าที่เป็นหัวในการนำองค์กร คนในองค์กรย่อมจะเกิดความสับสนและท้ายที่สุดก็มีโอกาสที่จะกัดเซาะจนองค์กรต้องพังทลายไปในที่สุด
9. เป็นเจ้านายเขาอย่าเอาแต่ประโยชน์ตนฝ่ายเดียว แต่ให้ซื้อใจลูกน้องให้เป็นแล้วองค์กรจะได้ประโยชน์สูงสุด
เจ้านายที่ดีไม่ควรหวังที่จะกอบโกยเอาเงินเข้ากระเป๋าของตนฝ่ายเดียวโดยไม่สนใจลูกน้องของตนเลย เพราะองค์กรที่มีเจ้านายเช่นนี้ท้ายที่สุดจะอยู่ไม่รอด หากต้องการให้องค์กรเกิดประโยชน์สูงสุด เจ้านายต้องรู้จักที่จะซื้อใจลูกน้องคิดกับพวกเขาเสมือนว่าลูกน้องก็คือหุ้นส่วนสำคัญขององค์กร เมื่อเจ้านายสามารถซื้อใจลูกน้องได้สำเร็จ ลูกน้องก็พร้อมที่จะถลกแขนเสื้อทำงานให้คุณอย่างถวายหัว และเมื่อนั้นแหละที่องค์กรจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
10 สุดยอดหลักการบริหารใจคนในสไตล์พิมรี่พายก็คือ “ชมให้ดัง ๆ ด่าให้ค่อย ๆ”
ไม่มีใครชอบความรู้สึกเสียหน้า และในทางกลับกันทุก ๆ คนก็ชอบที่จะได้รับคำชื่นชม หลักบริหารใจคนในสไตล์พิมรี่พายที่น่าสนใจก็คือ “การชมให้ดัง ๆ แต่ให้ด่าค่อย ๆ” ซึ่งหมายความว่าเมื่อใดที่ลูกน้องทำดีเจ้านายต้องรู้จักที่จะชื่นชมเขาต่อหน้าคนอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นกำลังใจให้พวกเขาเร่งที่จะทำผลงานให้ดีต่อไป แต่ในขณะเดียวกันหากเกิดความผิดพลาดเจ้านายก็จำเป็นที่จะต้องเรียกลูกน้องเข้าไปพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ไม่ควรตำหนิลูกน้องต่อหน้าคนอื่น ๆ เพราะนอกจากจะทำให้ลูกน้องเสียกำลังใจ ยังทำให้ลูกน้องคนอื่น ๆเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้นมาด้วย หลักการบริหารใจคนในสไตล์นี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้านายควรให้ความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว
กว่าจะมีวันนี้ได้ของพิมรี่พายก็เรียกได้ว่าพิมรี่พายเองก็ผ่านเรื่องราวอะไรต่าง ๆ มาเยอะแยะมากมาย และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานั้นอาจกล่าวได้เลยว่าเป็นสิ่งที่หล่อหลอมให้พิมรี่พายมีทุกสิ่งทุกอย่างได้ในวันนี้ ความสำเร็จของพิมรี่พายจึงไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาหรือความบังเอิญ หากแต่เกิดจากการซึมซับ ขัดเกลา ไม่ยอมแพ้จนได้เป็นบทเรียนล้ำค่าที่ควรค่าแก่การศึกษาและนำไปพัฒนาตนเองครับ ซึ่งทาง When I old up เชื่อเหลือเกินว่าแม้คนอย่างพิมรี่พายจะมีเพียงคนเดียวในโลกก็ตาม แต่แนวคิดที่น่าสนใจของเธอนั้นหากเราสามารถประยุกต์และปรับใช้ได้อย่างลงตัวเราเองก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในสไตล์ที่เป็นเราและไม่เหมือนใครได้เช่นกัน
ติดตามบทความดี ๆ ทางช่องทางโซเชี่ยลได้ที่นี่ครับ
